เดี๋ยวนี้อย่าถามหาเลย “รักแท้” เพราะมัน “กินไม่ได้” หมดยุคผู้รากมากดีหอบผ้าหนีตามผู้ชายไปตายเอาดาบหน้าแล้ว เรื่องพรรค์นั้นยังมีอยู่แค่ในนิยายน้ำเน่าเท่านั้นแหละ
วันนี้ “หมีดำ” ขอถลก “คู่รักบันลือโลก” คู่หนึ่ง ซึ่ง “สร้างภาพ” ว่ารักกันนักหนา แต่เบื้องหลังพบว่า “ลวงโลก” เพราะคบกันเพราะ “ผลประโยชน์” ล้วนๆ สมมติชื่อของฝ่ายชายว่า “B” ส่วนฝ่ายผู้หญิงขอเรียกว่า “B” ก็แล้วกัน เรื่องของ “คู่รักแหล” คู่นี้เริ่มต้นขึ้นในงานการกุศลงานหนึ่ง น้อง "F" แค่เห็นหนหนุ่ม "B" ทำตัวติดดินไม่เหมือน “คนดัง” ทั่วไป ก็เกิดประทับใจ จากนั้นก็สานสัมพันธ์กันเรื่อยมา จนในที่สุดประกาศหมั้น และกำหนดงานวิวาห์ทันที คนวงนอกอาจดูคู่รักคนดังคู่นี้ แสนจะโรแมนติก “เทพบันดาล สวรรค์สร้าง” โดยแท้
แต่เบื้องหลังที่ไหนได้ “สตรอบอแหล” ทั้งเพ ! ความจริงก็คือ "B" เนี่ยเขา ก็ไม่อยากไปหรอกไอ้งานกุศลงานเนี้ย ซึ่งถ้าหากไม่ได้ตังค์ เขาจ้างให้ไปล่ะก็ รับรองไม่ย่างกรายไปให้เมื่อยตุ้มเด็ดขาด เอาเวลาไปหลีหญิงตามสันดานดีกว่าเยอะ ! แต่ก็บังเอิ้น วันนั้น น้อง "F" เธอก็ไปงานนี้เพราะเป็นหน้าที่เหมือนกัน ทั้งคู่เลยไปเจอกันโดยบังเอิ้น !
ฝ่าย "B" พอเห็น"F" ซึ่งต้องบอกว่าเธอเป็นสาวสวยพอที่จะขึ้นประกวดเวที “มิสยูนิเวอร์ส” ได้เชียวแหละ “สันดานเจ้าชู้” ของ"B" ก็เลยกำเริบ !
ไอ้ที่สาว "F" เห็นหนุ่ม "B" ทำตัว “ติดดิน” ไม่ถือว่า “ข้าดัง” จนทำให้ “ปลื้ม ” นั้นน่ะ เจ๊ขอบอกว่า มัน “สร้างภาพ” ว่าเป็น “คนดี” เพื่อให้ "F"เกิดความประทับใจ และก็คุ้ม เพราะ “ ได้ผล” หลังจากนั้น สาว"F" ก็ “ติดบ่วงลวงโลก” ถือเป็นโชคร้ายที่เกิดมา “สวยแต่โง่” รู้ไม่เท่าทัน เลยกลายเป็นเหยื่อของ"B" พอแผนแรกสัมฤทธิ์ผล"B" ก็เดินเกมรักต่อไป แสดงความหน้าใหญ่ เอาเงินทุ่มไม่อั้น ทั้งสองหนุ่มสาวต่างก็เป็นคนดัง เมื่อคบกันก็เลยยิ่งกลายเป็นข่าวใหญ่
ทำ ให้ทั้งคู่ยิ่งดังเพิ่มขึ้นไปอีก จนไม่ทันไรเลย จู่ๆก็ประกาศจะ “ร่วมหอลงโลง” กันซะแล้ว ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประกาศ “วิวาห์ฟ้าแลบ” ดังกล่าว ชาวบ้านร้านตลาดก็ร่ำลือกันไปว่า “เบนโล” โอ๊ย เจ๊ขอเอาคอพาดเขียงการันตีให้ตรงนี้เลยว่า “ไม่เบ็นโลพันเปอร์เซ็นต์”
แต่ ถ้าถามว่า “คู่นี้เขารักกันจริงเหรอ ?” อันนี้เจ๊ขอฟันธงเลยว่า “ไม่จริงพันเปอร์เซนต์ (เช่นกัน)” เรื่องของเรื่องแล้ว “ผลประโยชน์” ทั้งน้าน !! ด้านฝ่าย "B" ถึงจะเป็นคนดัง แต่ก็ดังในทาง “เสียหาย” ซะมากกว่า โดยเฉพาะเรื่อง “ฉาวโฉ่” ดังนั้นหากได้ F มาขนาบข้างแล้ว จะได้มีข่าวดีมาเพิ่มราศีแก่ตัวซะมั่ง
ที่สำคัญคือ"B" กำลังทำธุรกิจบางอย่าง ซึ่งต้องอาศัยภาพพจน์ของF มาช่วย ในการโฆษณา เมื่อได้ทั้ง “เมีย” แถม “พรีเซนเตอร์” ฟรีๆ มีแต่กำไรกับกำไร !! อย่างนี้มีหรือ "B" จะไม่รีบคว้า "F" ไว้ก่อน
ส่วนฝ่าย"F"นั้นก็เล็งผลเลิศในเรื่องธุรกิจ เพราะกำลังเปิดบริษัท จึงต้องการ “สื่อ” โปรโมต เมื่อเล็งเห็นว่าการจับคู่กับ "B" จะช่วย “ต่อยอด” ธุรกิจ "F" จึงตอบรับการแต่งงานทันที ดังนั้นวันวิวาห์จึงเริ่มขึ้นอย่างด่วนจี๋ แถลงปุ๊บ อีกไม่กี่วันก็จัดทันที !
แค่ ก่อนวันงานก็ยุ่งซะแล้ว คนโน้นพูดอย่าง คนนี้พูดอย่าง ทำไมถึงพูดไม่ตรงกันล่ะ ... เหตุผลง่ายๆ ก็งานมัน “อุปโลกน์” ขึ้นมาทั้งน้าน วันงานมาถึง สื่อจากทุกสำนักแห่กันไปทำข่าวใหญ่โตสมกับเป็นข่าว “คู่รักแห่งปี” ข่าวประโคมใหญ่โตถึง “สินสอด ทองหมั้น” แหวงเพชรเม็ดเขื่อง แถมด้วยเงินสด และไฮไลต์ที่ฝ่ายแม่ผู้ชายขนมาอวด นั่นคือ “เครื่องเพชร” ชุดใหญ่มูลค่านับ “สิบล้านบาท” งานช้างผ่านไปท่ามกลางกระแสข่าวที่เล่าขานถึงความร่ำรวยมีหน้ามีตาสมฐานะ “คนดัง” แต่ขอโทษเถอะ “เบื้องหลัง” หาเป็นเช่นนั้นไม่ !!
เพราะไอ้ เครื่องเพชรชุดใหญ่เริ่ดหรูล้ำค่ากว่าสิบล้านนั้นน่ะ มันแค่ “สินสอดแหกตา”!! เรื่องของเรื่องก็คือ “คุณแม่ผัว” ค่า..ทั่นย่องไป “หยิบยืม” จากร้านเพชรชื่อดังมา “โรยหน้า” เท่านั้น วันงานหากใครสังเกตุซักหน่อย จะเห็นว่ามี “บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม” 4-5 คนมายืนหน้าเข้มอยู่ ทุกคนคิดว่าเจ้าภาพคงจ้างมาดูแลความเรียบร้อยในงานมั้ง แต่ข้อเท็จจริงแล้วโนๆๆๆ พวกนั้นเค้ามาคอย “พิทักษ์เครื่องเพชร” ตะหาก !
ซึ่ง พอหลังจากเสร็จงานเรียบร้อย เครื่องเพชรเซ็ตนี้ก็ถูกส่งคืนร้านไป ไม่ถึงป๊ะป๋ากับหม่ามี้ของ F หรอกค่า! เห็นมั๊ยล่ะว่า “แหกตา” กันล้วนๆ
อย่าถามหาความรักเลย อย่างที่บอก “ความรักมันกินได้” ซะที่ไหน เชื่อเจ๊เถ๊อ...คู่นี้มีเวลากันอีกไม่นานหรอก ยิ่ง"B" ที่ไม่เคยขาดผ้หญิงมาสังเวยกาม รับรองอีกเดี๋ยว “หางโผล่”
เมื่อ นั้นต่อให้ทั้งคู่ “เห็นแก่ผลประโยชน์” เพียงไร แต่เมื่อเจอกระแสข่าวฉาวโฉ่กระหน่ำซัมเมอร์เซลล่ะก็ เมื่อนั้นแหละจะถึง “ตอนอวสาน”
แหล่งที่มา : www.tv-inside.net/indexnew.html